ตัวอย่างกลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตั้งอย่างไรให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ
ดูตัวอย่างกลุ่มเป้าหมาย
ตัวอย่างกลุ่มเป้าหมาย เมื่อพูดถึงการสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญคือต้องมุ่งเน้นไปที่ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพราะเมื่อเข้าใจว่าลูกค้าในอุดมคติของคุณคือใครและต้องการอะไร จะทำให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตรงกับความต้องการของพวกเขาได้
ก่อนอื่นต้องเข้าใจแบรนด์มีอะไรเป็นแรงจูงใจให้พวกเขา และต้องเข้าใจว่าพวกเขาต้องการอะไรมากที่สุด หรืออย่างการสร้างแบรนด์ที่มีสองวิธีหลักในการดำเนินการ อย่างการโฆษณาผ่านการตลาด โฆษณาสิ่งพิมพ์ ทางโทรทัศน์ หรือทางออนไลน์ รวมถึงการสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดและทำให้ผู้คนรู้จัก เพื่อติดต่อหรือรีวิวแบรนด์ของคุณมากขึ้น โดยการสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าเป้าหมายของคุณ
แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกวางแผนการตลาดแบบใด ต้องแน่ใจว่าคุณกำลังมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายของคุณด้วย เพราะคุณจะไม่สามารถสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จได้ หากไม่รู้จักลูกค้าของคุณคือใครและต้องการอะไร ซึ่งเมื่อคุณได้สร้างพื้นฐานเหล่านี้แล้วก็ถึงเวลาที่จะเริ่มสร้างแบรนด์ของคุณได้แล้ว
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คืออะไร
- การเริ่มสร้างแบรนด์ ต้องสำรวจและวางแผนเพื่อกำหนดตัวตนให้สอดคล้องกับสินค้าหรือบริการ ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อหรือ กลุ่มเป้าหมาย ทั้งยังทำให้แบรนด์ดำเนินไปอย่างมีแบบแผนและแนวทางที่ชัดเจน ถูกต้อง เป็นระบบ ซึ่งจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์และพัฒนาแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ของสินค้า คือ กลุ่มลูกค้าที่เราต้องการขายผลิตภัณฑ์ ซึ่งกลุ่มลูกค้านั้นต้องการหรือกำลังมองหาสินค้าที่แบรนด์ผลิต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ เช่น กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการออกกำลังกายหรือเหงื่อออกง่ายก็มักหาซื้อผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย เป็นต้น
- การวิเคราะห์ กลุ่มเป้าหมาย ให้ตรงจุด จะช่วยเพิ่มทั้งยอดขายและภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งการกำหนดกลุ่มเป้าหมายควรกำหนดให้ชัดเจนและไม่กว้างมากเกินไป เช่น เพศ ช่วงอายุ กำลังซื้อ เป็นต้น จะช่วยให้สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนั้นได้จริง เมื่อรู้แล้วว่า กลุ่มเป้าหมาย ของแบรนด์เป็นใคร จะทำให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้นว่าควรดำเนินทิศทางของแบรนด์ไปในทางใด จะทำการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร ทำให้สามารถประหยัดต้นทุนและดำเนินการได้ตามแผนธุรกิจได้อีกด้วย
ทำไมกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จึงสำคัญต่อการสร้างแบรนด์
การตั้งกลุ่มเป้าหมาย ของแบรนด์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะแบรนด์จะสามารถนำไปวางแผนทางการตลาดได้ดีขึ้น หากไม่ทราบว่ากลุ่มลูกค้าเป็นใคร ผลิตภัณฑ์นั้นก็อาจขายไม่ได้หรือไม่มีผลตอบรับใด ๆ ซึ่งการวางแผนทางการตลาดส่วนใหญ่นิยมวิเคราะห์ตามขั้นตอนของการวิเคราะห์ STP Marketing เป็นขั้นตอนดังนี้ คือ
- S=Segmentation คือ การแบ่งส่วนตลาด (Market Segmentation) การตลาดควรทราบว่ากลุ่มลูกค้าที่แบรนด์จะเข้าไปขายสินค้าเป็นตลาดใด มองส่วนตลาดที่แบรนด์ต้องการเข้าไปขาย เช่น สบู่ลดกลิ่นเหงื่อที่เหมาะสำหรับคนออกกำลังกายหรือคนที่ทำกิจกรรมในแต่ละวันแล้วเหงื่อออกมาก ตลาดก็คือตลาดของกลุ่มคนที่ชอบออกกำลังกาย แล้วมาแบ่งส่วนย่อยว่าเป็นตลาดของผู้หญิงหรือผู้ชาย เป็นต้น
- T=Target คือ กลุ่มเป้าหมาย (Target market) ฝ่ายขายหรือการตลาดต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เหมาะกับคนกลุ่มไหนในตลาดที่แบ่งส่วนไว้แล้ว เช่น ฝ่ายขายวิเคราะห์ว่าสบู่ลดกลิ่นเหงื่อ ลูกค้าต้องเป็นกลุ่มผู้หญิงหรือผู้ชายที่ชอบออกกำลังกาย แล้วก็มาศึกษาพฤติกรรมการเลือกซื้อ เช่น ช่องทางการจัดจำหน่าย ราคาที่เหมาะสม เพื่อให้กับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น
- P=Positioning คือ การวางตำแหน่งสินค้าว่าเป็นอยู่ในเกรดอะไร หากวางตำแหน่งสินค้าให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้สินค้าขายดี เพราะมีช่องทางที่ถูกต้อง ราคาที่เหมาะสม ตัวอย่าง สบู่ลดกลิ่นเหงื่อได้กลุ่มเป้าหมายเป็นสาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ ที่มาวิ่งออกกำลังกายตามสวนสาธารณะหรือที่ฟิตเนส มีความต้องการสบู่ที่สามารถช่วยทำความสะอาดผิว ลดกลิ่นเหงื่อได้ดี ราคาไม่แพง หาซื้อง่าย มีช่องทางการจำหน่ายทั้งหน้าร้านและทางออนไลน์ เป็นต้น
วิธีตั้งกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย สำหรับการสร้างแบรนด์
- เพศ กำหนดให้ได้ว่าส่วนใหญ่เป็นเพศอะไรที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์
- อายุ กำหนดช่วงอายุของกลุ่มเป้าหมายว่า ส่วนใหญ่มีอายุตั้งแต่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่
- รายได้ กำหนดรายได้ต่อเดือนว่ากลุ่มลูกค้าควรมีรายได้ประมาณเท่าไหร่ เพื่อจะได้วางกลยุทธ์เรื่องราคาของสินค้าได้
- พฤติกรรมความชอบ กำหนดว่ากลุ่มเป้าหมายมักชอบอะไร เพื่อวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้ เช่น สี ขนาด กลิ่น หรือรูปทรงของผลิตภัณฑ์
- สถานที่ การกำหนดที่อยู่ของกลุ่มเป้าหมายได้จะทำให้หาช่องทางขายได้ดีขึ้น เพราะทำให้ประชาสัมพันธ์หรือทำการตลาดตรงไปขายยังกลุ่มเป้าหมายได้
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย สามารถนำไปใช้สร้างแบรนด์ได้อย่างไรบ้าง
โดยปกติแล้วแบรนด์จะให้ความสนใจกับกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์มากที่สุด เนื่องจากคาดหวังให้พวกเขากลายเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีมูลค่ามากที่สุดของแบรนด์ เป็นกลุ่มที่มีการจับจ่ายและเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์สูง ส่วนกลุ่มเป้าหมายรองของแบรนด์ คือ กลุ่มคนกลุ่มอื่นที่มีลักษณะร่วมกันและอาจสนใจสินค้าแบรนด์ ไม่ใช่กลุ่มลูกค้าที่มีมูลค่ามากที่สุด แต่ก็สามารถขายสินค้าให้ได้ รวมทั้งยังสามารถทำไปวิเคราะห์เพื่อทำการตลาดเพิ่ม หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ได้ รวมถึง การขายสินค้าบน แพลตฟอร์มออนไลน์ อีกช่องทางที่จะสร้างยอดขายให้พุ่ง
ดังนั้น ภาพลักษณ์ของแบรนด์และการประชาสัมพันธ์ก็เป็นเหมือนการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายว่าแบรนด์เป็นอย่างไร ผลิตภัณฑ์ตรงกับลักษณะการใช้ชีวิต และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าหรือไม่ นอกจากที่จะต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายให้ดีแล้ว การวิเคราะห์แบรนด์และคู่แข่ง ว่ามีจุดยืน จุดต่างอะไรที่ควรนำเสนอออกมา หรือเรียนรู้ทำความเข้าใจคู่แข่งด้วย เพื่อหาจุดแตกต่าง ก็จะยิ่งทำให้สร้างจุดยืนของแบรนด์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครออกมาได้
การตลาดเพื่อสร้างแบรนด์เป็นการเน้นจุดแข็ง เพื่อให้คงประสิทธิภาพในระยะยาว สร้างการจดจำแบรนด์และทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำต่อกลุ่มเป้าหมายได้ เมื่อแบรนด์มีความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ ยังนำไปพัฒนาต่อร่วมกับการตลาดได้ด้วย เพื่อช่วยส่งเสริมการสนับสนุนแบรนด์และความภักดีในกลุ่มลูกค้า
เอากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ไปโปรโมทผ่านช่องทางไหนได้บ้าง
ช่องทางในการโปรโมทกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ สินค้า หรือบริการที่นำเสนอ รวมถึงงบประมาณและเป้าหมายในการโปรโมทด้วย โดยทั่วไปแล้ว ช่องทางในการโปรโมทกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- ช่องทางออนไลน์
- เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นจำนวนมากและมีประสิทธิภาพสูง ช่องทางออนไลน์ในการโปรโมทกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่
- โซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, Twitter, LinkedIn, TikTok เป็นต้น
- เว็บไซต์
- อีเมล
- การตลาดแบบมีส่วนร่วม (Content Marketing)
- การตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer Marketing)
- การตลาดแบบวิดีโอ (Video Marketing)
- เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นจำนวนมากและมีประสิทธิภาพสูง ช่องทางออนไลน์ในการโปรโมทกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่
- ช่องทางออฟไลน์
- เป็นช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าช่องทางออนไลน์ ช่องทางออฟไลน์ในการโปรโมทกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่
- สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร เป็นต้น
- ป้ายโฆษณา
- โทรทัศน์
- วิทยุ
- สื่อนอกบ้าน (Out-of-Home Media) เช่น ป้ายบิลบอร์ด ป้ายโฆษณาบนรถประจำทาง เป็นต้น
- การตลาดแบบปากต่อปาก (Word-of-Mouth Marketing)
- เป็นช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าช่องทางออนไลน์ ช่องทางออฟไลน์ในการโปรโมทกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่
- นอกจากนี้ ยังสามารถพิจารณาใช้ช่องทางอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสมของธุรกิจและกลุ่มเป้าหมาย เช่น
- การตลาดแบบอีเวนต์ (Event Marketing)
- การตลาดแบบพันธมิตร (Partner Marketing)
- การตลาดแบบการมีส่วนร่วม (Affiliate Marketing)
Best Custom Audience Data กลุ่มเป้าหมายยิงแอด
เว็บให้บริการ กลุ่มเป้าหมายยิงแอด สำหรับใช้โปรโมท สินค้า บริการ ทาง Line และ Google โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ ที่สามารถซื้อได้ ทุกประเภทสินค้า ทุกบริการ

ความรู้เกี่ยวกับ การโฆษณาผ่าน LINE Ads
รู้จักการโฆษณาผ่าน LINE Ads
วิธีการลงโฆษณา LINE Ads ด้วยตนเอง
5 สูตรสำเร็จการลงโฆษณาบนไลน์
แนะนำบริการ
SEO Review

รับรีวิวสินค้า ให้ขึ้นแสดงหน้าแรก ในการค้นหาของ Google และ Bing ด้วยการทำ SEO โดยที่ท่านไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา หรือค่ายิงแอด สร้างโอกาสให้ท่านขายสินค้าได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาให้เปลืองเงิน ค่าบริการเพียงหลักพัน เท่านั้น
- ใส่รายละเอียดได้ไม่เกิน 2,000 ตัวอักษร
- ขึ้นแสดงหน้าแรกๆของ Google, Bing ได้เร็วกว่า SEO Post โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
- ใส่รูปได้ 1 รูป
- ไม่สามารถใส่ Video ได้
- อายุของ Sale Page 2 ปี เมื่อใกล้หมดอายุ ระบบจะแจ้งเตือนไปที่ท่าน เพื่อให้ท่านพิจารณาต่ออายุ หรือไม่
- ค่าบริการ 1500 บาท
SEO Sale Page

รับทำ Sale Page สำหรับขายสินค้าโดยเฉพาะ โดยทำให้ Sale Page ประกาศขายสินค้านั้น ขึ้นแสดงหน้าแรก ในการค้นหาของ Google และ Bing ด้วยการทำ SEO ทำให้ขายได้เร็ว โดยที่ท่านไม่ต้องเสียค่าโฆษณา
- ใส่รายละเอียดได้ไม่เกิน 2,000 ตัวอักษร
- ขึ้นแสดงหน้าแรกๆของ Google, Bing ได้เร็วกว่า SEO Post โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
- ใส่รูปได้ไม่เกิน 10 รูป
- ใส่ Video ได้ 1 Video
- อายุของ Sale Page 2 ปี เมื่อใกล้หมดอายุ ระบบจะแจ้งเตือนไปที่ท่าน เพื่อให้ท่านพิจารณาต่ออายุ หรือไม่
- ค่าบริการ 1500 บาท
SEO Post

รับทำ SEO Post โดยใช้ SEO ทำให้ Post ขายสินค้าของคุณ ขึ้นแสดงหน้าแรก ในการค้นหาของ Google และ Bing โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา ทำให้สินค้าของคุณขายได้เร็วกว่าใคร
- ใส่รายละเอียดได้ไม่เกิน 500 ตัวอักษร
- ขึ้นแสดงหน้าแรกๆของ Google, Bing ได้เร็วกว่า SEO Post โดยใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน
- ใส่รูปได้ 1 รูป
- ไม่สามารถใส่ Video ได้
- อายุ Post 1 ปี เมื่อใกล้หมดอายุ ระบบจะแจ้งเตือนไปที่ท่าน เพื่อให้ท่านพิจารณาต่ออายุ หรือไม่
- ค่าบริการ 500 บาท
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.